เจ้าหน้าที่ศาล ภรรยาและนายสุรชัย ขณะที่เดินเข้าห้องพิจารณาคดีเพื่อฟังคำพิพากษา
ศาลได้อ่านคำพิพากษาแต่ละคดีโดยไม่ได้อ่านทวนเนื้อหาที่โจทก์ฟ้อง ระบุเหตุผลว่า พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับการสืบเสาะแล้วเห็นว่าแม้จะกระทำความผิด ขณะอายุ 68 ปี แต่จำเลยมีบทบาททางการเมืองมายาวนาน และจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เคยเป็นสมาชิก อบจ.นครศรีธรรมธรรม เป็นผู้มีวุฒิภาวะ อีกทั้งช่วงเกิดเหตุสังคมกำลังมีความขัดแย้งทางความคิดอย่างรุนแรง การที่จำเลยกล่าวถ้อยคำดังกล่าวยิ่งทวีความขัดแย้งให้มากขึ้น และเป็นการให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์
ศาลพิพากษา ลงโทษจำคุกจำเลยใน 3 คดี คดีละ 5 ปี แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือคดีละ 2 ปี 6 เดือน ศาลระบุอีกว่า เนื่องจากจำเลยเคยต้องโทษมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่หลาบจำ ไม่สมควรรอการลงโทษ คงเหลือโทษจำคุกทั้งสิ้น 7 ปี 6 เดือน
“ผมมีประสบการณ์การเมืองมา 40 ปี ในสถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้จะไม่พูดได้อย่างไร และเราก็เลี่ยงที่สุดแล้ว คดีทั้งหลายที่เกิดขึ้นมาจากการพูดที่ผมได้เลี่ยงที่สุดแล้ว จะให้ทำอย่างไร” นายสุรชัยให้สัมภาษณ์พร้อมระบุด้วยว่าผลการตัดสินในวันนี้ก็ถือว่าศาลเมตตา
นายคารม พลพรกลาง ทนายความจำเลย กล่าวว่า หากอัยการไม่อุทธรณ์ก็ถือว่า 3 คดีนี้จบ แต่ยังเหลือคดีของ สน.วังทองหลางอีกที่ยังอยู่ในชั้นสอบสวน หากส่งฟ้องเมื่อไรนายสรุชัยก็เตรียมจะรับสารภาพ ส่วนอีกคดีคือ คดีของ สน.ชนะสงคราม ซึ่งจำเลยตัดสินใจสู้คดี เพราะเห็นว่ามีการตีความความผิด เกินเลยไปจากความเป็นจริง และจะมีการสืบพยานกันในวันที่ 5-8, 12-15 มิ.ย.55
ทั้งนี้ นายสุรชัยถูกจับกุมเมื่อกลางดึกวันที่ 22 ก.พ.54 และถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพจนวันพิพากษา โดยทนายได้ยื่นประกันตัวหลายครั้งแต่ศาลปฏิเสธ ขณะที่นางปราณี ด่านวัฒนานุสรณ์ ภรรยานายสุรชัยเคยให้สัมภาษณ์ว่านายสุรชัยมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เป็นโรคประจำตัว ทั้งความดัน เบาหวาน เส้นเลือดหัวใจอุดตัน และต่อมลูกหมากอักเสบ จึงตั้งใจจะรับสารภาพเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ
ที่มา prachatai